ผลสอบ "ครูเบญ" ชื่อหาย " เบื้องต้นไม่ผ่านเกณฑ์ภาค ก.-ข.ส่ง พฐ.ตรวจอีกรอบ จ่อลงโทษวินัยผอ.เขตพื้นที่ฯ
จากกรณี น.ส.เบญญาภา โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม หลังสอบติดพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอนอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว แต่ผ่านไปได้ 3 วัน ปรากฏว่าชื่อหายไป ส่งผลให้เกิดวิพากวิจารณ์อื้ออึงในสังคม
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ผลสืบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ สพฐ. เสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถออกมาแถลงได้ เนื่องจากต้องการให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง และต้องการให้ครูเบญมาร่วมแถลงด้วย เนื่องจากครูเบญ ติดซ้อมรับปริญญาในช่วงนี้ จึงไม่สะดวก ซึ่งครูเบญ ก็ได้เซ็นชื่อยืนยันแล้ว
แต่วันนี้จะส่งเอกสารทั้งหมด ให้กับผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ขณะที่ผลสืบเบื้องต้นของ สพฐ.พบว่า ผลสอบของครูเบญ คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10 ส่วนคนที่ได้ที่ 1 ตามข่าวที่ขึ้นมาแทน พบว่าคะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าว มีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ก็น่าจะสอบได้จริง
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการกพฐ. กล่าวอีกด้วยว่า การสอบข้อเท็จจริงที่ดำเนินการโดย สพฐ. อาจทำให้สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายประเด็น ดังนั้น สพฐ.จึงทำหนังสือ ถึงกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งขาติ (สตช.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ มีเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้ช่วยตรวจสอบข้อสอบ และกระดาษคำตอบที่เป็นการฝนด้วยดินสอบสองบีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อความถูกต้องอีกครั้งหนึ่งให้ผลออกมาเป็นที่น่าเชื่อถือ
ส่วนคนที่ได้ที่ 1 ก็พบว่า คะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าว มีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ยืนยันว่าน่าจะสอบได้จริง แต่ก็ต้องรอผลการสอบของผู้เชี่ยวชาญยืนยันอีกครั้ง
สำหรับผลการตรวจสอบผู้อำนวยการ สพม.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่ในสังกัดพบว่า มีมูลความผิดจริง เข้าข่ายประมาท และบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนที่จะลงโทษตามกฎหมาย เลขาธิการ กพฐ. ยืนยันว่า หากพบการทุจริตจะดำเนินการเฉียบขาดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สพฐ.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งการตรวจข้อสอบ กระดาษคำตอบ รวมถึงสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปาก พบว่า มีในเรื่องความประมาทเลินเล่อ ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และเพื่อความถูกต้อง ไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ จึงส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน สตช. ตรวจสอบอีกรอบเพื่อความชัดเจน ส่วนจะแถลงข้อสรุปเรื่องนี้ เมื่อไรนั้น คงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน จากทาง สตช. หรือจนกว่า ครูเบญ จะมีความพร้อม
ทั้งนี้ หากผลสอบสรุปว่า ครูเบญ สอบได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 จริงตามประกาศครั้งแรก ก็จะบรรจุเป็นพนักงานราชการให้ตามสิทธิ แต่หากพบว่า เป็นความผิดพลาดจากความประมาทเลินเล่อ เช่นกรณีอ้างว่า มีการประกาศรายชื่อผิด โดยสลับชื่อครูเบญ กับผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1 ก็จะต้องมีการเยียวยา เช่น คืนตำแหน่งครูอัตราจ้างเพื่อให้มีงานทำ
แต่สำหรับการจะบรรจุเป็นพนักงานราชการคงไม่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้เข้าสอบคนอื่น รวมถึงจะกลายเป็นบรรทัดฐาน หากมีใครมาร้องเรียน ก็จะต้องบรรจุให้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามในส่วนผู้ที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างแน่นอน ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นความประมาทเลินเล่อ หรือการทุจริต ก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ ทางด้านนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ในฐานะกำกับดูแล สพฐ. กล่าวว่าจะตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบกระบวนการสอบทั้งหมด ซึ่งมีทั้งอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนักการศึกษา ซึ่งเป็นคนกลางมาตรวจสอบอีกครั้ง เพราะขณะนี้สังคมกำลังสังสัยการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งต้องทำให้ทุกคนมั่นใจว่ากระทรวงจะไม่ปกป้องคนที่กระทำความผิด